เรื่องเข้าใจผิดเกี่ยวกับปลูกผม
ทุกวันนี้ที่เทคโนโลยีมีการพัฒนามากขึ้น ข้อมูลข่าวสารสามารถหาได้ด้วยปลายนิ้ว และเมื่อการปลูกผมถาวรแพร่หลายมีคนปลูกมากขึ้นทุกวัน ข้อมูลเกี่ยวกับปลูกผมจึงยิ่งมากขึ้นตาม แต่เรื่องเข้าใจผิดของการปลูกผมเพิ่มขึ้นเช่นกัน
ปลูกผมเจ็บมากกก
เป็นความเชื่อที่มีมูลที่ถูกต้องและไม่ถูกต้องในความเชื่อเดียว อาการเจ็บในการปลูกผมจะเกิดขึ้นในระยะเวลาไม่ถึงนาที ซึ่งเป็นเพียงเฉพาะช่วงที่ฉีด “ยาชา” เข้าสู่บริเวณผิวหนังก่อนแพทย์จะทำการเจาะย้ายรากบริเวณท้ายทอย และก่อนทำการปลูกผมบริเวณหนังศีรษะด้านหน้าเท่านั้น หลังจากยาชาออกฤทธิ์ ผู้ที่ทำการปลูกจะไม่ได้รับความรู้สึกเจ็บเลยจนการผ่าตัดเสร็จสิ้น
อย่างไรก็ตาม เทคนิคการฉีดยาชาเพื่อให้ชาในบริเวณกว้างขนาดทั่วศีรษะมีได้หลายเทคนิค ตั้งแต่การฉีดยาชาบริเวณละ 10-20 จุดในด้านหน้าและ อีก 10-20 จุดในด้านหลัง จึงทำให้บางท่านอาจเคยได้ยินว่าการปลูกผม และการฉีดยาชาก่อนการปลูกผม เจ็บมากกก
เทคนิคที่คอสโมคลินิกใช้เป็นเทคนิคที่จะมีการฉีดยาชาเพียงแค่ 4 จุดในด้านหลัง และ 4 จุดในด้านหน้า ซึ่งเป็นเทคนิคที่ทำให้ผู้ที่ปลูกผมกับเราได้รับความสบายมากที่สุด ไม่จำเป็นต้องได้รับยาชาเยอะโดยใช้เหตุ และออกฤทธิ์ได้นานอีกด้วย
ปลูกผมแล้วจะดูไม่ธรรมชาติ
เป็นอีกหนึ่งความเชื่อที่ทั้งถูกต้องและไม่ถูกต้อง เพราะปัจจัยที่ทำให้ผมดูไม่ธรรมชาติมีหลายข้อ ซึ่งส่วนมากที่จะพบกันได้ในคลินิกปลูกผมที่ไม่มีประสบการณ์หรือประสบการณ์น้อย คือ ลักษณะผมดูไม่สลวย ชี้ไปคนละทิศละทาง และลักษณะผมดูไม่กลืนกับผมเดิม
ลักษณะผมที่ดูไม่สลวยไม่เป็นธรรมชาติสามารถพบได้หากผู้ที่ปลูกไม่ได้คัดแยกลักษณะกราฟต์ที่จะทำการปลูก โดยปกติแล้วกราฟต์ผมของคนเรากราฟต์หนึ่ง อาจจะมีผมได้ 1-4 เส้น ซึ่งแพทย์ของเราจะทำการคัดเลือกกราฟต์ที่มีผม 1 เส้นผมเรียงไว้ข้างหน้าเพื่อให้แนวไรผมดูธรรมชาติ และกราฟต์ 2-4 เส้นไว้ด้านใน เพื่อให้ผมดูมีความหนาแน่นมากขึ้น
ทิศทางการปลูกเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ก็มีผลต่อทิศทางการขึ้นเส้นผม ซึ่งหากทิศทางของการปลูกสะเปะสะปะ (เจาะรูบริเวณผิวหนังแบบไม่มีทิศทาง) ผมที่ขึ้นมาก็จะชี้ไปมาก็จะดูไม่เป็นธรรมชาติ ก่อนทำ
การปลูกผมถาวร แพทย์ของคอสโมคลินิกทำการประเมินทิศทางผมเดิมของคนไข้เสมอ เพื่อในทิศทางของเส้นผมที่ขึ้นมามีความเนียนสวยเหมือนของเดิม และให้ผลที่เป็นธรรมชาติมากที่สุด
ลักษณะของผมที่ขึ้นใหม่ในบางเคส อาจจะดูไม่กลืนกับผมเดิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่พบได้บ้างเนื่องจากในบางเคส ผมบริเวณด้านหลัง (donor area) มีความหนากว่าด้านหน้า หรือมีความหยักศกมากกว่า หรือกระทั่งมีผมหงอกที่มากกว่า ทำให้เมื่อนำมาปลูกด้านหน้า ผมจึงยังมีลักษณะหนาหรือหยกศกเหมือนเดิม หรือหงอกเหมือนเดิมได้ ในกรณีนี้ เมื่อทำการปลูกผมไปแล้วระยะหนึ่ง ผู้ปลูกสามารถทำสีหรือดัดผมบริเวณที่ปลูกเหมือนเป็นผมทั่วไปได้ จะช่วยทำให้ดูกลืนกับของเดิมมากยิ่งขึ้น
FUT ดีกว่า FUE / FUE ดีกว่า FUT
แพทย์ปลูกผมที่มีความชำนาญจะไม่ได้แนะนำเทคนิคได้เทคนิคนึงว่าอันไหนดีกว่าอีกอัน เนื่องจากแต่ละเทคนิคเหมาะกับลักษณะศีรษะต่างกันไปในแต่ละราย ในบางครั้ง บางคนอาจจะใช้ 2 วิธีร่วมกันในการผ่าตัดปลูกผมครั้งเดียวเพื่อให้ผลลัพธ์ระยะยาวดีที่สุด
Long Hair FUE ปลูกเสร็จแล้วผมหนาต่อไปเลย
การปลูกผมแบบ Long Hair FUE เป็นเทคนิคการเจาะย้ายรากผมบริเวณด้านหลังโดยไม่จำเป็นต้องโกนผมบริเวณท้ายทอยจนเห็นหนังศีรษะ ซึ่งเป็นเทคนิคที่ช่วยทำให้เมื่อปลูกเสร็จ หนังศีรษะด้านหน้าจะดูมีแนวไรผมทันที อันนี้เป็นความเชื่อที่ถูกต้อง แต่อย่างไรก็ตาม ผมที่ปลูกใหม่ในด้านหน้านั้นจะยังมีการ “ผลัด” หรือร่วงในช่วง 1-3 เดือนหลังปลูกเหมือนการปลูกแบบทั่วไปอยู่ดี ทำให้ผมบริเวณด้านหน้าจะดูโล่งในช่วงนั้นไม่ต่างจากการปลูกแบบปกติในช่วงแรก และจะกลับขึ้นมายาวตามปกติใน 6-12 เดือน
DHI ดีกว่า FUE
การปลูกผมถาวรแบบ DHI คือการปลูกผมโดยใช้ Implanter เข้ามาช่วยในการฝังกราฟต์ลงไปที่ผิวหนัง ซึ่งความจริงแล้วตามนิยามของ ISHRS การปลูกผมถาวรจะถูกแบ่งตามชนิดได้เพียง 2 ชนิดคือ FUE และ FUT ซึ่งการนำ Implanter เข้ามาใช้แบบนี้ยังถือว่าเป็นการปลูกผมแบบ FUE และ FUT อยู่ดี
โดยปกติแล้วถ้าไม่ใช้ Implanter การฝังกราฟต์ไปบนผิวหนังสามารถทำความหนาแน่นได้ประมาณ 50-60 กราฟต์ต่อตารางเซนติเมตรหากแพทย์ผู้ปลูกมีความชำนาญเพียงพอ ปริมาณความหนาแน่นนี้ก็จะได้เทียบเท่ากับการใช้ Implanter อยู่ดี