สำหรับใครที่กำลังมองหาการรักษาผมบางผมร่วง จากฮอร์โมนและพันธุกรรม นอกจากการปลูกผม หรือ การทานยาแบบปกติแล้วนั้น ยังมีอีกหนึ่งวิธีที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) ยุโรป อเมริกา และของไทยว่าปลอดภัยสามารถใช้รักษาอาการผมบางผมร่วงได้นั่นก็คือ การทำ Re-cell (Regenera Activa) หรือการฉีดสเต็มเซลล์รากผมตนเอง
สารบัญ
การฉีดเสต็มเซลล์ผม Recell คืออะไร
การฉีดสเต็มเซลล์ผม (Recell) คือ เทคโนโลยีใหม่ที่ไม่ใช่การผ่าตัดเพื่อนำเซลล์ต้นกำเนิด จากรากผมของเราเอง Autologous Micrografting Technology ® มาฉีดลงไปที่บริเวณหนังศีรษะ โดยเสต็มเซลล์นี้จะไปกระตุ้นให้รากผมแข็งแรงขึ้น ผมขึ้นไวกว่าปกติ เส้นผมดูหนามากขึ้น และช่วยลดการทำงานของฮอร์โมนเพศชายที่ทำให้ผมร่วงอีกด้วย
ในการทำหนึ่งครั้งผู้เข้ารับการรักษาจะได้รับการนำรากผมที่อยู่บริเวณท้ายทอยของหนังศีรษะออกมา และใช้เครื่องปั่นแยกเฉพาะสเต็มเซลล์ โดยเสต็มเซลล์ที่ได้จะเป็นเซลล์บริสุทธิ์โดยไม่ผ่านการใส่ยาหรือสารเคมีใดๆ ทำให้มั่นใจได้ว่าปลอดภัย
สเต็มเซลล์คืออะไร
เซลล์ต้นกำเนิด หรือ สเต็มเซลล์คือเซลล์ชนิดพิเศษที่สามารถแบ่งตัวได้อย่างไม่จำกัด และเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์อื่นๆ ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย เช่น เซลล์ผิวหนัง ไขมัน กล้ามเนื้อ และเซลล์เม็ดเลือด หน้าที่สำคัญในการแบ่งตัวเพิ่มจำนวนและเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ชนิดต่างๆ เพื่อทดแทนเซลล์ที่เสื่อมสภาพในร่างกาย
สเต็มเซลล์มี 2 ชนิด
- เซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากตัวอ่อน เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนสามารถเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์ได้เกือบทุกชนิดในร่างกาย ยกเว้นเซลล์จากรก
- เซลล์ต้นกำเนิดที่แยกได้จากสิ่งมีชีวิตโตเต็มวัย หรือจากเนื้อเยื่อ สามารถเปลี่ยนไปเป็นเซลล์เฉพาะในเนื้อเยื่อนั้นๆ เช่น สเต็มเซลล์ของเลือด สามารถเปลี่ยนเป็นเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาวและเกล็ดเลือด
เสต็มเซลล์ Recell ถือเป็นเซลล์ที่โตเต็มวัยแล้วจะพัฒนาไปเป็นเซลล์รากผมเท่านั้นไม่เปลี่ยนเป็นเซลล์อื่นในร่างกายจึ่งมั่นใจได้ว่าปลอดภัย
ข้อดีของการฉีดสเต็มเซลล์ผม Recell
- ไม่เจ็บขณะทำ และเป็นหัตถการที่ทำเพียงครั้งเดียวผู้เข้ารับบริการไม่ต้องพบแพทย์หลายๆครั้ง
- ใช้เสต็มเซลล์ของตนเองในการรักษาผมบางผมร่วง ไม่ผสมยาหรือสารเคมีอื่นๆมั่นใจได้ในความปลอดภัย
- ไม่ต้องพักฟื้น ผู้เข้ารับบริการสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติหลังจากเข้ารับบริการ
- เห็นผลไวในระยะเวลา 3 เดือน และ ได้ผลลัพธ์ค่อนข้างดี อยู่ได้นาน 1-2 ปี
- สามารถทำร่วมกับการรักษาผมบางผมร่วงแบบอื่นๆได้ เช่น การรับประทานยา การฉีด PRP การผ่าตัดปลูกผม FUE DHI Micrographt
ขั้นตอนการฉีดเสต็มเซลล์ Recell
ที่คอสโมคลินิกการฉีดสเต็มเซลล์ตนเอง Recell ทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญที่ผ่านการเทรนด์มาแล้วเท่านั้น ขั้นตอนการทำมีดังต่อไปนี้
- คัดเลือกผมช่วงบริเวณท้ายทอยศีรษะเพื่อเก็บรากผม อาจจะต้องมีการตัดผมบางส่วนเพื่อง่ายต่อการเก็บรากผม
- แพทย์จะทำการฉีดยาชา ทำให้ไม่รู้สึกเจ็บขณะเจาะรากผม
- เมื่อยาชาออกฤทธิ์จะมีวิธีการเก็บรากผมดังต่อไปนี้ เจาะรากผมด้วยเครื่องเจาะผมแบบการผ่าตัดปลูกผม FUE หรือ ตัดรากผมด้านหลังศีรษะออกมาโดยใช้อุปกรณ์ punch biopsy ได้ขนาดชิ้นเนื้อประมาณ 2.5 มิลลิเมตร 5 ชิ้น
- นำรากผมท่ีได้ผสมน้ำเกลือ Normal saline หรือ PRP ใสส่ลงในเครื่องปั่นเซลล์ เพื่อปั่นให้ได้สเต็มเซลล์ออกมา
- เมื่อได้เซลล์หลังจากการปั่นเรียบร้อยแล้ว แพทย์ทำการฉีดลงในหนังศีรษะส่วนที่มีปัญหาผมบางทั่วๆบริเวณที่มีปัญหา
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell ร่วมกับการรักษาวิธีอื่น
เนื่องจากการฉีดสเต็มเซลล์ Recell ค่อนข้างปลอดภัย และใช้ระยะเวลาในการทำไม่นาน สามารถทำคู่กับการรักษาผมบางผมร่วง แบบอื่นๆได้ เช่น การทานยา การใช้สเปรย์ การฉีด PRP การฉายแสงกระตุ้นรากผม รวมถึงการผ่าตัดปลูกผม
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell เหมาะกับใคร
จากงานวิจัยมหาวิยาลัย Johns Hopkins Medicine บอกว่า สาเหตุจากการอาการผมบาง ผมร่วง มักเกิดจาก อายุ, ฮอร์โมน, พันธุกรรม, อาการบาดเจ็บ, การขาดธาตุเหล็ก หรือ การขาดโปรตีน เป็นต้น ซึ่งการฉีดสเต็มเซลล์รากผม Recell เหมาะสมสำหรับการรักษาผู้ที่ผมบางผมร่วงจากบางสาเหตุเท่านั้น คือ ผู้ที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมน Androgenic alopecia ทั้งใน Male pattern hair loss และ Female pattern hairloss
ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้
เนื่องจากการฉีดสเต็มเซลล์ Recell เป็นการใช้เซลล์รากผมของตนเองปั่น และไม่มีการผสมยาหรือ สารเคมี จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยในการรักษา ทั้งนี้ ผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ได้แก่
- เลือดออกบริเวณที่ทำการเจาะเก็บรากผม โดยปกติแพทย์จะทำการปิดแผลหยุดเลือดให้ ถ้าผู้เข้ารับการรักษาสังเกตุว่ามีเลือดไหลออกมากผิดปกติ ให้กลับมาพบแพทย์
- อาการเจ็บหรือชาบริเวณที่ฉีดสเต็มเซลล์ มักมีอาการเจ็บน้อยมากซึ่งอาการมักจะหายเองได้ใน 1-3 วัน
การดูแลตัวเองหลังฉีดสเต็มเซลล์ Recell
- งดสระผม 24 ชั่วโมงหลังฉีดสเต็มเซลล์
- ห้ามว่ายน้ำในสระว่ายน้ำ หรือ ทะเล 1 สัปดาห์
- เนื่องจากการฉีดสเต็มเซลล์เป็นหัตถการที่ไม่อันตราย ไม่ใช่การผ่าตัด ไม่จำเป็นต้องพักฟื้น จึงสามารถใช้ชีวิตประจำวันในด้านอื่นๆได้ตามปกติ
คำถามที่พบบ่อย
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell เจ็บไหม
ตลอดขั้นตอนในการรักษาจะมีการฉีดยาชา ประคบเย็น และมีเครื่องสั่น vibrator เพื่อช่วยลดความเจ็บปวด จึงสมารถบอกได้เลยว่าเป็นหัตถการที่ไม่เจ็บ ไม่ใช่การผ่าตัด และใช้ระยะเวลาไม่นานในการทำ
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell ต้องทำกี่ครั้ง
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell ใช้จำนวนการรักษาเพียง 1 ครั้ง เริ่มเห็นผลภายใน 1-3 เดือน หลังการรักษา
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell อยู่ได้นานไหม
จากงานวิจัยพบว่าการฉีดสเต็มเซลล์ Recell 1 ครั้ง มีผลการรักษาผมบางผมร่วงได้ถึง 1-2 ปี
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell ต่างจากการทำ PRP อย่างไร
เนื่องจากการฉีด PRP เพื่อกระตุ้นรากผมเป็นการฉีดเกล็ดเลือดเพื่อกระตุ้น Growth factor จำเป็นต้องทำต่อเนื่องทุก 1-3 เดือน ตามรอบวงจรชีวิตของเส้นผมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด แตกต่างจากการฉีดสเต็มเซลล์ Recell เป็นเซลล์รากผมของตนเอง สามารถกระตุ้น Growth factor และ มีความสามารถเป็น Progenitor cell กระตุ้น follicle ของรากผมได้โดยตรง และใช้จำนวนครั้งในการทำน้อยกว่าได้ผลลัพธ์ที่นานกว่า
สรุป
การฉีดสเต็มเซลล์ Recell เป็นวิธีการรักษาผมร่วง ผมบางในผู้ที่สาเหตุมากจากฮอร์โมนเพศชาย หรือ Androgenic alopecia ระยะแรกที่ได้ผลค่อนข้างดี มีความเสี่ยงต่ำเนื่องจากไม่ผสมยา หรือ สารเคมี ไม่เจ็บ ไม่ทำให้เกิดรอยแผล เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการการผ่าตัดปลูกผม หรือ คนที่ต้องการรักษาผมบางผมร่วงในจุดที่ไม่สามารถใช้การปลูกผมช่วยได้ หรือ คนที่ต้องการหาวิธีการรักษาผมบางผมร่วงแบบใหม่ๆเพื่อใช้ร่วมกับการรักษาแบบเดิม เช่น การทานยา การใช้สเปรย์ การฉายแสง หรือการฉีด PRP
เนื่องจากการักษาผมบาง ผมร่วงมีหลากหลายวิธี ทางคอสโมคลินิกแนะนำให้ทำการปรึกษาคุณหมอเพื่อช่วยในการตัดสินใจเริ่มการรักษาที่ถูกต้อง เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย และ ประหยัดเวลาในการรักษามากที่สุด
References
- Harvard Health Publishing: https://www.health.harvard.edu/a_to_z/hair-loss-a-to-z
- Stanford Health Care: https://stanfordhealthcare.org/medical-conditions/skin-hair-and-nails/hair-loss.html
- Johns Hopkins Medicine:https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/hair-loss
- American Academy of Dermatology: https://www.aad.org/public/diseases/hair-loss/treatment/diagnosis-treat
- National Health Service UK: https://www.nhs.uk/conditions/hair-loss/