ยากิน Finasteride ช่วยได้จริงไหม? กี่เดือนเห็นผล? กินยังไงดีที่สุด? กินนานไปจะเป็นอะไรไหม?
สำหรับผู้อ่านที่กำลังเริ่มหาวิธีการรักษาผมร่วง ผมบาง ไม่ว่าจะด้วยการค้นหาข้อมูลเอง หรือจากการบอกต่อของเพื่อนๆ คุณคงต้องได้ยินยาชื่อ finasteride ซึ่งเป็นยาที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา (อย.) และมีงานวิจัยมากมายรองรับว่าสามารถช่วยเรื่องเส้นผมได้จริง โดยวัดจากจำนวนเส้นผมที่มากขึ้น และความแน่นที่มากขึ้น
ถึงแม้ยาตัวนี้จะไม่ได้รักษาผมร่วงหรือผมบางในผู้ชายได้อย่างถาวร แต่ก็สามารถชะลอ หยุด หรือย้อนให้ภาวะนี้ในผู้ชายกลับมาดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด แต่ผลของยาชนิดนี้อาจต้องรอหลายเดือนก่อนจะเริ่มเห็นผล ในบทความนี้จะช่วยอธิบายระยะเวลาและผลลัพธ์ที่สามารถคาดหวังได้จากการใช้ยา finasteride ในการรักษาผมร่วง ผมบาง ในผู้ชายครับ
Finasteride ทำงานอย่างไร
ตัวยา finasteride ทำงานโดยไปยับยั้งการสร้างฮอร์โมนที่ชื่อ dihydrotestosterone หรือ DHT ในร่างกาย ซึ่งฮอร์โมน DHT นี้ เป็นฮอร์โมนที่มีในเพศชาย ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการพัฒนาอวัยวะหลายส่วนในร่างกายให้มีความเป็นผู้ชายมากขึ้น เช่นการเกิดเสียงแตกในเด็ก การเกิดของเส้นขนรักแร้ ขนแขน ขนขา รวมไปถึงการเจริญเติบโตของอวัยวะเพศอีกด้วย
ในคนที่มีกรรมพันธุ์ด้านผมร่วงและผมบาง ฮอร์โมน DHT นี้ ก็จะไปส่งผลต่อเส้นผม ทำให้เส้นผมบนศีรษะของผู้ชายมีรากผมที่เล็กลง เส้นผมเปราะลง เล็กลง และหลุดร่วงได้ง่ายขึ้น ตัวยา Finasteride สามารถลดการสร้าง DHT ได้ประมาณ 70% เลยทีเดียว
ที่มา :https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC3262531/
ระยะเวลาในการออกฤทธิ์ของ Finasteride
เมื่อเรารับประทาน Finasteride ตัวยาจะออกฤทธิ์ไปยับยั้งการสร้าง DHT ได้ทันที แต่ด้วยอัตราการเจริญเติบโตของเส้นผมที่ประมาณ 15 เซนติเมตรต่อปี (หรือประมาณ 1 เซนติเมตรต่อเดือน) ผลของตัวยาจึงใช้เวลากว่าจะเริ่มเห็นได้ชัดด้วยตาเปล่า
ในช่วง 1-3 เดือนแรก คุณอาจจะไม่สามารถเห็นผลของยาได้ด้วยตาเปล่า ความแน่น และลักษณะของเส้นผมในเกือบทุกจุดจะยังดูไม่มีการเปลี่ยนแปลง สาเหตุเป็นเพราะระยะเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะเห็นผลบนตัวเส้นผมเอง
ในช่วงเดือนที่ 3-6 คุณจะเริ่มเห็นผลของตัวยามากขึ้น ตัวอย่างที่จะสามารถเห็นได้ชัดเจน ได้แก่ ผมที่หลุดร่วงลดลง บางส่วนของแนวไรผมมีความหนาแน่นมากขึ้น บริเวณที่เคยเป็นไข่ดาวก็จะดูแน่นขึ้น เป็นต้น แต่นี่ยังไม่ใช้ผลเต็มที่ของ finasteride
ในช่วงเดือนที่ 12 จะเป็นช่วงที่สามารถเห็นผลของยาได้อย่างมีนัยยะสำคัญทางสถิติ ตามหลักฐานงานวิจัยทั่วโลก กล่าวคือเป็นช่วงเวลาที่เราสามารถเห็นการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมได้เต็มที่ที่สุด ถึงแม้ผลของยาจะต่างกันไปในแต่ละบุคคลตามพื้นฐานของเส้นผมเดิมที่มี การตอบสนองต่อตัวยา และกรรมพันธุ์เป็นต้น แต่สิ่งที่ช่วยได้แน่นอนคือสามารถช่วยชะลอการหลุดร่วงเพิ่มเติมของเส้นผมที่ศีรษะได้
หากคุณรับประทานยา finasteride ครบ 12 เดือนแล้ว ยังไม่สังเกตเห็นการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน แนะนำกลับไปพบแพทย์ที่จ่ายยาเพื่อปรึกษาหาสาเหตุที่เกิดขึ้น ที่ทำให้ยาไม่เห็นผลเท่าที่ควรจะเป็น
กิน Finasteride ยังไงเห็นผลดีที่สุด
ยา Finasteride เป็นยาที่บริหารง่าย รับประทานเพียงวันละ 1 เม็ด และเพื่อให้เห็นผลดีที่สุด ควรรับประทานอย่างต่อเนื่องทุกวัน การลืมรับประทานยา หรือรับประทานบ้างไม่รับประทานบ้างอาจจะทำให้ผลออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
การรับประทานยาร่วมกับการใช้ minoxidil จะช่วยทำให้ยา finasteride มีหลักฐานว่าจะช่วยทำให้เห็นผลได้ดียิ่งขึ้นโดยเฉพาะในคนที่มีปัญหาผมร่วง ผมบางที่รุนแรงมาก ยิ่งมีแนะนำให้ใช้ยาทั้งสองชนิดคู่กันเพื่อให้เห็นผลได้ดีที่สุด
กิน Finasteride ระยะยาวมีผลดีและผลเสียอย่างไรบ้าง
การรับประทาน finasteride ระยะยาวจะสามารถออกฤทธิ์ช่วยเรื่องผมได้ต่อเนื่อง โดยมีงานวิจัยที่ศึกษาผู้ชายที่รับประทานยาต่อเนื่อง 5 ปี พบว่าเส้นผมดีขึ้น มีความหนาและยาวได้ดีขึ้นจริง
เนื่องจากยา finasteride เป็นยาที่ยับยั้งการสร้างฮอร์โมน DHT ทำให้ผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ที่พบได้ในยา finasteride คือปัญหาเรื่องทางเพศ เช่น
- อวัยวะเพศแข็งตัวน้อย
- น้ำหลั่งลดลง
- ความต้องการทางเพศลดลง
ซึ่งเราจะพบปัญหาเหล่านี้ได้ประมาณ 2-3% ของผู้ที่ใช้ยา แต่ผลข้างเคียงเหล่านี้สามารถหายเป็นปกติ และกลับคืนมาเป็นปกติเมื่อหยุดยาภายในเพียง 5 วันเท่านั้น
ยา finasteride เป็นยาที่ปลอดภัยตัวหนึ่งแต่มักจะชอบเขียนข่าวออกมาให้ดูน่ากลัว ให้คนสนใจ ทำให้เกิดภาพลักษณ์ของยาที่น่ากลัวแก่คนทั่วไป อีกทั้งการแข็งตัวของอวัยวะเพศ มีความเกี่ยวข้องกับจิตวิทยาของบุคคล ทำให้คนที่ได้รับข้อมูลชุดนี้มีความคิดเอนเอียงไปทางปัญหาของยา จึงยิ่งทำให้รู้สึกว่ามีปัญหามากยิ่งขึ้น (nocebo effect)
นอกจากนี้มีงานวิจัยที่ศึกษาผลระยะยาวของผลข้างเคียงด้านเพศของ finasteride พบว่าไม่ว่าจะใช้ไปนาน 5 ปี ถึง 10 ปี ผลข้างเคียงไม่ได้มากขึ้นตามระยะเวลาที่ใช้
สรุป
ยา finasteride เป็นหนึ่งในยาที่ใช้ในการรักษาภาวะผมบางจากพันธุกรรม ให้ผลการรักษาที่ค่อนข้างดี แต่อย่างไรก็ตาม แนะนำว่าการกินยาเหล่านี้ควรเป็นไปในการกำกับดูแลของแพทย์ เพื่อติดตามผลการรักษาอย่างต่อเนื่อง ได้รับปริมาณยาและกำหนดระยะเวลาอย่างถูกต้อง และคอยสังเกตผลข้างเคียงของยาที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางราย