หลายคนอาจไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับอาการ “แพ้ผมตัวเอง” หรือภาวะที่เกี่ยวข้องกับหนังศีรษะ ซึ่งเป็นอาการที่ทำให้หลายคนรู้สึกไม่สบายใจและเกิดความไม่มั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะเมื่ออาการเหล่านี้ทำให้เกิดการ ผมร่วง ผมบาง และมีหนังศีรษะแดงอักเสบ ซึ่งสามารถเกี่ยวข้องกับโรคทางภูมิคุ้มกันต่าง ๆ หนึ่งในโรคที่มีผลกระทบต่อหนังศีรษะและทำให้เกิดปัญหาเช่นนี้คือ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (DLE หรือ Discoid Lupus Erythematosus)
ในบทความนี้พวกเรา Cosmo Clinic จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ การแพ้ผมตัวเอง และ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ รวมไปถึงอาการ สาเหตุ และวิธีการแก้ไข เพื่อให้คุณเข้าใจและสามารถรับมือกับปัญหานี้ได้อย่างถูกต้อง
แพ้ผมตัวเอง คืออะไร ?
การแพ้ผมตัวเอง เป็นอาการที่ทำให้เกิดความรู้สึกไม่สบายเมื่อสัมผัสเส้นผมหรือหนังศีรษะ ซึ่งในบางรายอาจมีอาการปวดแสบหรือคันบริเวณหนังศีรษะร่วมด้วย แม้ว่าจะไม่มีการบาดเจ็บหรือการอักเสบที่ชัดเจนบนหนังศีรษะก็ตาม ภาวะนี้มักพบในคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับเส้นผม เช่น ผมร่วง หรือผู้ที่มีปัญหาด้านอารมณ์และความเครียด ซึ่งสามารถทำให้เส้นประสาทที่หนังศีรษะไวต่อการสัมผัสมากขึ้น
นอกจากนี้ การแพ้ผมตัวเองอาจเชื่อมโยงกับ โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ ซึ่งเป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของหนังศีรษะและอาจทำให้เกิดปัญหาผมร่วงหรือผมบางได้
โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ (DLE)
โรคดีแอลอี เป็นโรคทางภูมิคุ้มกันที่ส่งผลกระทบต่อผิวหนัง ซึ่งเกิดขึ้นได้บริเวณหนังศีรษะ ซึ่งโรคนี้ทำให้เกิดการอักเสบของผิวหนัง และอาจทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมในบริเวณที่มีการอักเสบ โดยโรคนี้มักจะเกิดรอยแดงรอบๆ หนังศีรษะและมีการสะสมของสารโปรตีนที่ทำให้เกิดรอยแผลเป็น โรค DLE สามารถทำให้ผมร่วงได้ถาวรหากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง
อาการของการแพ้ผมตัวเองและโรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ
การแพ้ผมตัวเองและโรค DLE ที่หนังศีรษะมักจะแสดงอาการคล้ายกัน ทำให้ต้องมีการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียดเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริง อาการที่พบบ่อย ได้แก่:
- ผมร่วงเป็นหย่อม วงรี หรือวงกลม หนังศีรษะที่ได้รับผลกระทบจะมีการอักเสบ ทำให้เส้นผมในบริเวณนั้นหลุดร่วงเป็นหย่อมๆ อาจเป็นวงรีหรือวงกลม
- หนังศีรษะแดง การอักเสบที่หนังศีรษะจะทำให้เกิดรอยแดง และในบางครั้งอาจมีผื่นแบนหรือสะเก็ดร่วมด้วย
- ผมมีสีอ่อนลง ในบางกรณี ผมที่งอกใหม่อาจมีสีที่อ่อนลงหรือดูเปราะบาง
- มีอาการคัน ผู้ป่วยอาจรู้สึกคันในบริเวณที่หนังศีรษะอักเสบ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยต้องเกาหนังศีรษะบ่อย ๆ และทำให้อาการแย่ลงได้
พบในผู้ป่วยประเภทใด ?
ภาวะการแพ้ผมตัวเองและโรค DLE ที่หนังศีรษะ มักพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงวัยผู้ใหญ่ ซึ่งฮอร์โมนและการเปลี่ยนแปลงของร่างกายอาจเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคภูมิคุ้มกันหรือโรคแพ้ภูมิตัวเองก็มักจะมีความเสี่ยงมากขึ้นเช่นกัน
การแก้ปัญหาการแพ้ผมตัวเองและโรค DLE ที่หนังศีรษะ
การรักษาภาวะการแพ้ผมตัวเองและโรค DLE ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้การรักษาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงที่ผมจะร่วงถาวร แนวทางการรักษาที่พบบ่อยมีดังนี้:
- หลีกเลี่ยงแสงแดดและใส่หมวก ผู้ป่วยที่มีอาการแพ้ผมตัวเองหรือโรค DLE ควรหลีกเลี่ยงแสงแดดโดยตรง เพราะแสงแดดสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบมากขึ้น การใส่หมวกหรือใช้ครีมกันแดดสำหรับหนังศีรษะจึงเป็นสิ่งที่ควรทำอย่างสม่ำเสมอ
- ให้ยาตามแพทย์สั่ง แพทย์อาจสั่งยาเพื่อลดการอักเสบและกระตุ้นให้เส้นผมงอกใหม่ เช่น สเตียรอยด์ หรือยาที่ช่วยลดการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน
- ใช้ยากระตุ้นการเจริญเติบโตของเส้นผม เช่น ไมนอกซิดิล (Minoxidil) ซึ่งเป็นยาทาที่ช่วยกระตุ้นรากผมให้เส้นผมกลับมางอกใหม่
- การปลูกผมถาวร สำหรับผู้ที่มีอาการผมร่วงอย่างถาวรและไม่สามารถรักษาด้วยวิธีอื่นๆ การปลูกผมถาวรเป็นทางเลือกที่มีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูเส้นผม ซึ่ง Cosmo Clinic มีบริการปลูกผมถาวรโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เทคนิคที่ทันสมัย เพื่อให้คุณได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด
บทสรุป
ไม่ว่าจะเป็น การแพ้ผมตัวเอง และโรค DLE ที่หนังศีรษะเป็นปัญหาที่ไม่ควรมองข้าม เพราะสามารถทำให้เกิดการสูญเสียเส้นผมถาวร หรือหัวล้านได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง การปรึกษาแพทย์ผู้ชำนาญการและดูแลรักษาหนังศีรษะอย่างเหมาะสมเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูสุขภาพเส้นผมของคุณ หากไม่รู้จะปรึกษาใคร ลองทักหาพวกเรา Cosmo Clinic คลินิกปลูกผมกรุงเทพ ทุกปัญหาเส้นผม จบได้ที่เรา