ในยุคปัจจุบันนี้ความมั่นใจเป็นสิ่งสำคัญหากการที่เราไม่มีเส้นผมหรือมีภาวะผมบางผมร่วงทำให้เราสูญเสียความมั่นใจการปลูกผมอาจจะเป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่ทำให้คุณกลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้ง
สำหรับคนที่มีปัญหาผมบางผมร่วงไม่ว่าจะมีปัญหาจากทางด้านกรรมพันธุ์หรือฮอร์โมนการปลูกผมเป็นอีกทางเลือกหนึ่งในการรักษาอาการหัวล้าน
สารบัญปลูกผม FUE
การปลูกผมคืออะไร
การปลูกผมคือการย้ายเซลล์รากผมจากบริเวณท้ายทอยหรือบริเวณที่ไม่โดนอิทธิพลของฮอร์โมนเพศชายทำร้ายเซลล์รากผมโดยทีมแพทย์จะทำการย้ายเซลล์รากผมจากด้านหลังมาปลูกในบริเวณที่มีปัญหาเช่นบริเวณด้านหน้าหรือบริเวณตรงกลางศรีษะ
ในปัจจุบันการปลูกผมมีสองวิธีคือ FUT และ FUE
การปลูกผมแบบ FUE หรือ Follicular Unit Extraction คือการปลูกผมถาวรแบบเจาะรากผมจากด้านหลัง ครั้งละ 1 กอ ซึ่งต้องอาศัยเครื่องมือพิเศษที่เป็นหัวเจาะทำจากโลหะไทเทเนี่ยม การเจาะรูปแบบนี้จะไร้แผลที่เป็นแบบแนวยาวเหมือนการปลูกผมเทคนิค FUT
การปลูกผมแบบ FUE จะมีหัวเจาะขนาดเล็กมาก ตั้งแต่ 0.65 ถึง 1 มิลลิเมตรเท่านั้น โดยการใช้หัวเจาะที่มีขนาดเล็กทำให้เรามีโอกาสเกิดแผลเป็นจากการเจาะรากผมค่อนข้างน้อย
เมื่อทำการเจาะรากผมออกมาแล้วนั้น หนึ่งกอผม (หรือกราฟผม) อาจจะมีเส้นผมหนึ่งถึงสี่เส้น ซึ่งทีมแพทย์จะนำมาปลูกบริเวณด้านหน้า และเซลล์รากผมของเราก็จะยึดติดกับเนื้อเยื่อรอบๆ โดยวิธีนี้จะทำให้เซลล์รากผมที่ปลูกขึ้นมาใหม่มีความแข็งแรง และไม่ได้รับอิทธิพลของฮอร์โมนที่ทำให้เซลล์รากผมของเราเส้นเล็กและหลุดร่วงไปเพราะฉะนั้น ผมใหม่ที่งอกขึ้นมาก็จะอยู่กับเราไปอย่างถาวรนั่นเอง
ข้อดีของการปลูกผม FUE
- แผลขนาดเล็กจนถึงเล็กมาก ขึ้นอยู่กับขนาดของหัวเจาะที่เลือกใช้
- เส้นผมใหม่ที่ขึ้นแข็งแรง ไม่ได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมนเพศชาย ไม่หลุดร่วงง่าย
- แผลหายได้เอง และหายได้ไวมาก ไม่ทิ้งรอยแผลเป็นแบบแนวยาว
- ไม่ต้องพักฟื้นนาน พักฟื้นเพียงหนึ่งถึงสองวันก็สามารถกลับไปใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ
- เส้นผมใหม่ที่ได้เป็นเส้นผมจริงดูเป็นธรรมชาติไม่เหมือนกันใส่วิก
- ทำให้ใบหน้าดูอ่อนกว่าไวสร้างความมั่นใจขึ้นมาเพราะว่าผมหนาขึ้น
ข้อเสียของการปลูกผม FUE
- ใช้ระยะเวลาในการทำแต่ละครั้งค่อนข้างนานเนื่องจากทีมแพทย์ต้องทำการเจาะรากผมออกมาทีละเส้น
- ได้จำนวนเซลล์รากผมในการเจาะแต่ละครั้งน้อยกว่าการปลูกแบบ FUT
- บริเวณที่ทำการเจาะรากผมไปแล้วจะไม่มีผมใหม่ขึ้นมาแทนที่
- เนื่องจากเซลล์รากผมของคนเรามีจำกัดหากเราใช้จำนวนเซลล์ค่อนข้างมากในการปลูกผมอาจจะทำให้ผมด้านหลังดูบางลงได้
การปลูกผมแบบ FUE เหมาะกับใคร
- คนที่มีปัญหาผมบางผมร่วง และไม่มีเซลล์รากผมเหลืออยู่แล้วบริเวณด้านหน้าและตรงกลางศีรษะ
- วันที่ต้องการสร้างความมั่นใจกับคืนมา ต้องการลดอาการหัวล้าน
- ผู้ที่มีเวลาในการพักฟื้น
- ผู้ที่ไม่ต้องการให้เห็นแผลเป็นหลังการผ่าตัด
- ผู้ที่ต้องการปรับโครงสร้างใบหน้าใหม่เพิ่มความอ่อนเยาว์ให้กับใบหน้า
- ผู้ที่มีปัญหาผมร่วงศีรษะล้านหรือหัวเถิก
การเตรียมตัวก่อนการปลูกผมแบบ FUE
- นอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่
- ถ้ามีโรคประจำตัวหรือต้องทานยาประจำ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนทำการปลูกผม
- งดอาหารเสริม วิตามิน หรือยาที่ทำให้เลือดไม่แข็งตัว เช่น ยาแอสไพริน วิตามินอี น้ำมันตับปลา ยาแก้อักเสบบางชนิด
- ผู้ป่วยที่มีโรคภาวะความดันโลหิตสูง และมีการใช้ยา Beta blocker ต้องทำการปรึกษาแพทย์ก่อนการผ่าตัด
- งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ งดอาหารหมักดอง
- งดชา กาแฟ ตามคำแนะนำของแพทย์
- สวมเสื้อกระดุมหน้าในวันที่ทำการผ่าตัด
- ทานอาหารรองท้องก่อนทำการผ่าตัดเนื่องจากใช้เวลายะเวลาค่อนข้างนานในการผ่าตัด
ขั้นตอนการปลูกผมแบบ FUE
- แพทย์จะทำการออกแบบทรงผมร่วมกับคนไข้โดยวาดกรอบแนวผมที่จะทำการปลูกและทำการคำนวณกราฟผมว่าจะต้องใช้จำนวนกี่กราฟ
- แพทย์ทำการตัดผม และโกนผมบริเวณที่จะทำการเจาะย้ายเซลล์รากผมเพื่อความสะดวกในการปลูกผมและความสะอาด
- แพทย์เริ่มทำความสะอาดบริเวณที่ต้องการปลูกผมและใช้ยาฆ่าเชื้อทาบริเวณที่ปลูกผม
- หลังจากนั้นจะทำการฉีดยาชาหรือให้ยานอนหลับเพื่อให้คนไข้ผ่อนคลายในระหว่างการผ่าตัด
- เมื่อยาชาเริ่มออกฤทธิ์ จะเริ่มมีการใช้อุปกรณ์เจาะรากผมออกมาทีละหนึ่งราก โดยปกติแล้วเครื่องมือที่ใช้จะมีขนาดเล็กเพียง 0.65 ถึง 1 มิลลิเมตร
- เมื่อนำเซลล์รากผมเอามาเท่ากับจำนวนกราฟที่วางแผนเอาไว้แล้ว จะนำตัวน้ำยาแช่กราฟมาเลี้ยงเซลล์ เพื่อให้รากผมที่เราได้ออกมามีคุณภาพสมบูรณ์และแข็งแรงมากที่สุดเมื่ออยู่นอกร่างกาย
- น้ำยาแช่กราฟเลี้ยงเซลล์ จะอยู่ในอุณหภูมิที่เย็น เพื่อลดการทำงานระดับเซลล์ของรากผม เพื่อยืดระยะเวลาในการอยู่รอดนอกร่างกาย
- ในระหว่างนี้หากคนไข้ต้องการทำการฉีดสเต็มเซลล์รากผมด้วยแพทย์จะนำเซลล์รากผมที่มีความสมบูรณ์ไปปั่นและเพาะเลี้ยงเพื่อนำมาฉีดในขั้นตอนถัดไป
- เมื่อทำการเจาะเซลล์รากผมเสร็จแล้วจะมีเวลาให้คนไข้ได้พักเข้าห้องน้ำและรับประทานอาหาร 30 นาที
เริ่มขั้นตอนการปลูกผมด้านหน้า
- แพทย์ทำการฉีดยาชาบริเวณที่ต้องการปลูกผม เมื่อยาชาออกฤทธิ์แล้วจะเริ่มทำการปลูกผมโดยขั้นตอนนี้ขึ้นอยู่กับว่าคนไข้เลือกใช้อุปกรณ์ใดในการปลูกผมถ้าเป็นการปลูกแบบ FUE ปกติจะใช้เข็มชนิดพิเศษเจาะเปิดรูบริเวณผิวหนัง และเพื่อกำหนดทิศทางเส้นผม จากนั้นจึงใช้ตัวคีมหนีบ forceps นำรากผมทีละหนึ่งเส้นลงไปในบริเวณที่ต้องการ
- หากคนไข้เลือกใช้อุปกรณ์แบบปากกาปลูกผม Implanter Pen (DHI) ในขั้นตอนนี้เจ้าหน้าที่จะทำการโหลดกราฟผมเข้าใส่ปากกา และแพทย์ทำการปักผมโดยใช้ปากกาทีละเส้น ทีละเส้น ในวิธีนี้รากผมจะบาดเจ็บน้อยกว่า
- เมื่อปักผมจนครบจำนวนกราฟที่คำนวณไว้ในตอนแรกแล้ว แพทย์จะทำการปิดแผลด้านหลังและให้คนไข้ได้ดูแนวไรผมด้านหน้าเป็นขั้นตอนสุดท้ายก่อนการปิดเคส
ปัจจัยที่ทำให้การย้ายกราฟผมมีประสิทธิภาพ
แม้แพทย์จะเลือกกราฟผมมาดีแค่ไหน หากระหว่างรอการปลูกถ่ายไม่ได้เก็บรักษากราฟผมให้ดี ผมก็จะขึ้นได้ไม่ดีเท่าที่ควร เซลล์รากผมอาจจะตายก่อนปลูกถ่าย ทำให้ปลูกผมไม่ขึ้น โดยปัจจัยต่างๆที่ส่งผลต่อประสิทธิภาพของกราฟผม มีดังนี้
- ความชุ่มชื้น
หากเซลล์ในกราฟผมสัมผัสกับอากาศแห้ง จะทำให้เซลล์เสียความชุ่มชื้นจนเซลล์ตายได้ - น้ำยาแช่กราฟได้คุณภาพ
คุณภาพของน้ำยาแช่กราฟมีผลอย่างมากต่อการยืดอายุของเซลล์ภายนอกร่างกาย ที่ Cosmo Clinic แพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะผสมน้ำยาแช่กราฟเอง ซึ่งน้ำยาที่ทำขึ้นเป็นน้ำยาตัวเดียวกับน้ำยาสำหรับแช่อวัยวะสำคัญที่รอการปลูกถ่าย ทำให้มั่นใจว่ากราฟผมที่นำมาปลูกจะมีประสิทธิภาพสูง เพิ่มโอกาสให้ผมปลูกติดได้มากขึ้น - อุณหภูมิพอเหมาะ
เซลล์อยู่ในอุณหภูมิประมาณ 4 – 8°C ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่พอเหมาะ เซลล์จะมีอัตราการเผาผลาญที่ต่ำ และไม่เย็นเกินไปจนทำให้เซลล์ตาย - เครื่องเจาะกราฟคุณภาพสูง
นอกจากหัวเจาะกราฟที่ส่งผลกับขนาดของแผลบริเวณด้านหลังแล้ว เครื่องเจาะกราฟที่ดีจะช่วยทำให้โอกาสที่กราฟจะถูกหัวเจาะตัดขาดและบาดเจ็บมีน้อยลง เพิ่มอัตราการอยู่รอดได้มากขึ้น
การดูแลตัวเองหลังปลูกผม FUE
- หลังการปลูกผมแพทย์จะทำการพันแผลปิดแผลเอาไว้ให้ในช่วงวันแรกคนไข้สามารถนอนทับผ้าพันแผลบริเวณด้านหลังได้เลย
- แนะนำให้นอนหงาย ร่วมกับนอนหมอนสูง 45 องศาเพื่อลดอาการบวม ควรหลีกเลี่ยงการนอนคว่ำเพื่อป้องกันการสัมผัสกราฟผมกับบริเวณหมอนและที่นอน
- งดการแกะเกาบริเวณที่ปลูกผม และงดการยกของหนักเนื่องจากอาจจะทำให้เลือดออก และรากผมหลุด เกิดความเสียหายได้
- วันรุ่งขึ้นหลังจากการปลูกผมทางคลินิกจะมีการนัดมาทำการล้างแผลและเปิดผ้าพันแผล แล้วจากนั้นผู้ป่วยสามารถกลับบ้านได้โดยที่ไม่ต้องพันแผลอีกต่อไปโดยทางคลินิกจะมีหมวกสำหรับคุมกันฝุ่นเอาไว้ในช่วงเวลาที่ออกจากบ้านเท่านั้น
ปลูกผมแล้วต้องทำ PRP หรือไม่
ในการปลูกผมจะเป็นการย้ายรากผมจากด้านหลังมาปลูกบริเวณส่วนที่มีปัญหา การทำ PRP เหมือนเป็นการทำทรีทเม้นบำรุงให้กับรากผม เพื่อทำให้รากผมได้รับสารอาหารที่มากขึ้น
ปลูกผม FUE ดีไหม
ถ้าหากคุณมีปัญหาผมบางจากกรรมพันธุ์ในระดับปานกลางถึงระดับมาก คำตอบคือการปลูกผมเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ทำให้เห็นผลอย่างระยะยาวเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าเห็นผลจริงและผลลัพธ์ที่ดี ผู้เข้ารับการรักษาจะได้ผมใหม่ที่เหมือนกับผมจริงในทิศทางที่สวยงามเป็นธรรมชาติอีกทั้งผมที่ขึ้นมาใหม่จะเป็นผมที่ปราศจากฮอร์โมนทำให้แข็งแรงและเส้นใหญ่กว่าผมเดิม
ผลลัพธ์หลังการปลูกผม FUE
เนื่องจากการปลูกผมใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานและผมของเรามีอยู่อย่างจำกัด การรักษาผมเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ยาวนานขึ้นอยู่กับสองปัจจัยหลักๆคือ
- การดูแลตนเองหลังการปลูกผม เนื่องจากในช่วงแรกหลังการปลูกผมตัวกราฟผมจะยังไม่ติดดีจะมีสะเก็ดแผลหลังการปลูกได้หากผู้เข้ารับการรักษาไม่ได้ดูแลให้ดีมีการแกะเกาบริเวณที่ปลูกไป หรือว่ายกของหนักจนทำให้ผมที่ปลูกหลุดออกมาจึงเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมไม่สามารถขึ้นได้ดีเท่าที่ควร
- แพทย์และทีมงาน เนื่องจากปลูกผมเป็นการปลูกถ่ายเซลล์ทีละหนึ่งเซลล์ ซึ่งแต่ละเซลล์นั้นเมื่อนำออกจากร่างกายแล้วจะต้องทำการเพาะในน้ำเลี้ยงที่มีประสิทธิภาพ และไม่ใช้เวลาในการผ่าตัดนานเกินไป แพทย์จะต้องรู้วิธีการรักษาสภาพเซลล์ผมอย่างถูกต้องและรู้วิธีการปลูกอย่างถูกต้องเพื่อรักษาเซลล์ของผมให้อยู่ได้นานที่สุดก่อนที่จะปลูกกับเข้าไปในร่างกาย เพราะฉะนั้นการเลือกแพทย์และคลินิกจึงเป็นสิ่งสำคัญ