ยาคุมกำเนิดสามารถทำให้ผมร่วงได้หรือไม่
ยาคุมกำเนิดเป็นยาที่มีการใช้มาหลายสิบปี และออกฤทธิ์ในการคุมกำเนิดได้เป็นอย่างดี โดยตัวยาคุมกำเนิดสร้างมาจากฮอร์โมนเพศหญิงสองชนิด คือ estrogen และ progesterone (บางตัวยาอาจมีเฉพาะ progesterone เพียงอย่างเดียว) ซึ่งเมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะมีกลไกยับยั้งการตกไข่ได้ ทำให้ไม่เกิดการปฏิสนธิ
คนส่วนมากอาจไม่ทราบถึงผลข้างเคียงทางด้านเส้นผมที่อาจเกิดได้ในการใช้ยาคุม โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีแนวโน้มจะมีภาวะผมบาง ผมร่วง หรือหัวล้านอยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว หรือมีประวัติว่าคนในครอบครัวมีภาวะผมบางผมร่วงมาก่อน
ปกติผมคนเราจะอยู่ในระยะต่างกัน
- Anagen ที่เป็นระยะที่เส้นผมมีการเจริญเติบโต ยาวขึ้นจากรากออกมาเรื่อยๆ มีระยะ 2-7 ปี
- Catagen เป็นระยะพักตัว ที่เส้นผมกำลังจะหยุดโตและหยุดยาว มีระยะเวลาไม่กี่วัน
- Telogen เป็นระยะหลุดร่วงของเส้นผม เส้นผมในระยะนี้จะหลุดมาประมาณ 50-100 เส้นต่อวัน
การกินยาคุมกำเนิดบางชนิดในคนที่มีประวัติเสี่ยงเรื่องผมร่วง ทำให้เส้นผมเปลี่ยนจาก anagen ไปเป็น telogen ไวขึ้นกว่าปกติ ทำให้ผมร่วงมากขึ้น โดยเฉพาะยาคุมกำเนิดที่มีส่วนผสมของ progesterone (progestin) สูง จะมี androgen index สูง ทำให้เกิดภาวะนี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
การคุมกำเนิดชนิดอื่นๆ ที่มีส่วนผสมของ progestin สูง เช่น ยาฉีดคุมกำเนิด (DMPA) แผ่นแปะคุมกำเนิดบางชนิด หรือ วงแหวนคุมกำเนิดบางชนิด ก็มีโอกาสทำให้เกิดภาวะผมร่วงได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม โอกาสในการเกิดภาวะผมร่วงจากยาถือว่ามีค่อนข้างน้อย และยาคุมกำเนิดบางชนิดเป็นตัวเลือกในการรักษาภาวะผมร่วงที่เกิดจากโรคบางโรคในผู้หญิงได้อีกด้วย ดังนั้นหากท่านใดมีประวัติคนในครอบครัวมีภาวะผมบางผมร่วง แนะนำให้ปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสมกับตัวเองที่สุดครับ
แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการปลูกผม
นายแพทย์ ปฐมภพ คุณกิตติ (หมอดิว)