ในปัจจุบันมีคลินิกปลูกผมใหม่เกิดขึ้นมามากมาย ทำให้ตัวเลือกเพิ่มมากขึ้นจนเกิดข้อสงสัยว่า จะปลูกผมที่ไหนดี ในบทความนี้ Cosmo Clinic จะมาช่วยไขข้อสงสัยและอธิบายปัจจัยทั้งหมดที่ควรจะต้องศึกษาและหาข้อมูลก่อนตัดสินใจเลือกคลินิกสำหรับการปลูกผม
ทำไมต้องหาข้อมูลก่อนปลูกผมถาวร
การปลูกผมถาวรถือเป็นการผ่าตัดอย่างหนึ่ง แปลว่าจะต้องมีการทำหัตถการบนร่างกายเราไม่มากก็น้อย รวมไปถึงการใช้เส้นผมจากบริเวณท้ายทอยซึ่งมีทรัพยากรจำกัด หากเสียไปก็ไม่สามารถนำกลับคืนมาได้อีก และการปลูกผมก็ไม่ได้ราคาถูก หากเลือกทั้งที่ก็ควรจะเลือกให้ดี ไม่ใช่เลือกที่ราคา แต่เลือกจากมาตรฐาน ผลงาน เครื่องมือ ทีมแพทย์ ระบบการติดตามผลหลังการปลูกผมเป็นต้น
-
แพทย์ผู้ทำการปลูกผม
แน่นอนว่าเมื่อเราตัดสินใจที่จะทำการผ่าตัดปลูกผมแล้ว เราจะต้องหาข้อมูลของแต่ละคลินิกเพื่อค้นหาว่า แพทย์ผู้ปลูกเป็นใคร ได้รับใบประกอบวิชาชีพจากแพทยสภาจริงไหม ประสบการณ์ในการปลูกผม คำแนะนำในการให้คำปรึกษาที่คลินิก รวมไปถึงดูผลงานในอดีตที่ผ่านมาของแพทย์ท่านนั้น
และเมื่อมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว เราควรนัดเพื่อเข้าไปปรึกษาเพื่อวางแผนการรักษา เช่นการคำนวณพื้นที่เพื่อวัดจำนวนกราฟ รูปแบบการวางแนวไรผมด้านหน้า การกำหนดความสูงต่ำของแนวไรผม รวมไปถึงการประเมินเส้นผมบริเวณท้ายทอยว่าเพียงพอต่อพื้นที่ด้านหน้าหรือไม่
ในวงการคลินิกปลูกผมจะมีสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “Black Market” ซึ่งเป็นคลินิกปลูกผมที่เปิดโดยแพทย์ไม่มีใบอนุญาต หรือบุคคลที่แอบอ้างตัวเองว่าเป็นแพทย์มาทำการปลูกผม ให้คำปรึกษา รวมไปถึงการทำราคาถูกอย่างไม่น่าเชื่อ และใช้เครื่องมือที่ไม่ได้มาตรฐานเพื่อลดต้นทุน
-
สถานที่ตั้งของคลินิก
นอกจากการปรึกษาเรื่องการปลูกด้านหน้าแล้ว การดูแลเส้นผมในระยะยาวก็เป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กัน เนื่องจากแพทย์ปลูกผมที่ดีจะไม่ได้ดูแค่ผลของการผ่าตัดปลูกผมเท่านั้น แต่จะต้องวางแผนการรักษาในหลักปีถึงสิบปี เพื่อให้เส้นผมเดิมคงสภาพที่ดีต่อเนื่องอีกด้วย
การปลูกผมที่ดีจึงไม่ใช่เป็นการเจอกันครั้งเดียวจบ แต่ควรจะต้องมีการติดตามการรักษาอย่างต่อเนื่อง เพื่อดูพัฒนาการและการเจริญเติบโตของเส้นผมในระยะต่างๆ ทำให้สถานที่ตั้งของคลินิกที่เข้าถึงง่าย เดินทางสะดวก เช่น ติดรถไฟฟ้า จึงเป็นสิ่งที่ควรให้ความสำคัญอย่างที่เราคาดไม่ถึง
-
เทคนิคที่ใช้มีแบบไหนบ้าง
หากท่านที่หาข้อมูลมาในระดับหนึ่งแล้ว จะทราบว่าการปลูกผมมีเพียง 2 เทคนิค คือ FUT และ FUE โดยส่วนมากในปัจจุบันจะทำเป็นเทคนิค FUE กันเกือบทั้งหมดแล้ว เนื่องจากข้อได้เปรียบเรื่องแผลด้านหลังที่เล็กจนมองไม่เห็นเมื่อผมยาว แต่เมื่อเห็นสื่อโฆษณาต่างๆ จะพบชื่อคำศัพท์ของแต่ละเทคนิคมากมายที่คิดค้นขึ้นมาเอง ซึ่งไม่ใช่การแพทย์ที่ซื่อสัตย์เท่าไหร่นัก โดยเทคนิคในการปลูกบริเวณ “ด้านหน้า” จะมีดังนี้
เทคนิค FUE ทั่วไป คือการเจาะกราฟบริเวณท้ายทอยทีละกอเพื่อนำมาปลูกด้านหน้า โดยการปลูกด้านหน้านั้น จะใช้เข็มเปิดรู และใช้ forceps คีบกราฟเข้าไปในรู
การทำ Micrografting หรือ Advanced FUE จะเป็นการนำกราฟผม มาตัดแต่งเนื้อเยื่อส่วนเกินออก ก่อนที่จะนำไปปลูกด้านหน้า ด้วย forceps เหมือนวิธีการปกติ
การใช้ Implanter Pen หรือ DHI จะเป็นการปลูกด้านหน้าโดยการนำกราฟผมไปใส่ในปากกา Choi Implanter เพื่อวางกราฟในหนังศีรษะ
-
มาตรฐานของอุปกรณ์และน้ำยาที่ใช้
อีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไปไม่ได้คืออุปกรณ์ช่วยในการปลูกผม ตั้งแต่เครื่องเจาะ หัวเจาะกราฟ จนไปถึงน้ำยาแช่กราฟ จะต้องมีมาตรฐานและความเหมาะสม ไม่ทำให้กราฟผมเสียหาย และเพิ่มอัตราการอยู่รอดของเส้นผมให้ได้มากที่สุด
โดยเฉลี่ยหัวเจาะกราฟจะมีขนาดตั้งแต่ 0.65 – 1.00 mm ขึ้นอยู่กับขนาดของกอผมและเส้นผม การใช้หัวเจาะที่ใหญ่เกินไปจะทำให้เกิดแผลด้านหลังที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ เมื่อหนังศีรษะหายดีอาจมีโอกาสเห็นเป็นจุดรอยเจาะได้มากกว่าการเจาะแบบหัวเล็ก อย่างไรก็ตามการใช้หัวเจาะที่เล็กเกินไปสำหรับเคสที่เส้นผมกอใหญ่ ก็จะมีโอกาสทำให้ตัดโดนรากผมได้มาก กราฟก็จะเสียหายมากขึ้น คลินิกที่ดีจึงควรมีหัวเจาะครบทุกขนาด คนไข้สามารถขอดูได้ตลอดเวลา
-
ห้องน้ำของคลินิก
ห้องน้ำเป็นหัวข้อที่ฟังดูเหมือนจะตลกแต่ว่ามีเหตุผลที่จริงจังอย่างมากอยู่เบื้องหลัง เนื่องจากการปลูกผมเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานาน 7-9 ชั่วโมง ทำให้ระหว่างการปลูก คนไข้อาจรู้สึกปวดท้องขับถ่าย ไม่ว่าจะถ่ายเบาหรือถ่ายหนักก็ตาม คนไข้สามารถขอพักเข้าห้องน้ำได้ตลอดเวลา เนื่องจากการปลูกผมใช้เพียงยาชาไม่ได้ทำการดมยาสลบ ทำให้คนไข้สามารถลุกเดินไปไหนมาได้ตามปกติและไปเข้าห้องน้ำได้
ในปัจจุบัน คลินิกเวชกรรมสามารถตั้งและเปิดให้บริการบนห้างหรือคอมมูนิตี้มอลได้ โดยข้อบังคับของกระทรวงสาธารณสุขจะอนุโลมเรื่องห้องน้ำให้ใช้ห้องน้ำรวมของห้าง ไม่จำเป็นต้องมีห้องน้ำในคลินิก ซึ่งจะไม่ใช่ปัญหาหากเป็นการรักษาพยาบาลทั่วไปที่ไม่ใช้ระยะเวลานาน เช่นการตรวจโรค หรือการฉีดปรับรูปหน้า โดยคนไข้สามารถเข้าห้องน้ำได้เมื่อเสร็จสิ้นการรักษา
อย่างไรก็ตามในระหว่างการปลูกผม หากคนไข้ต้องการเข้าห้องน้ำ จะต้องพันศีรษะแค่พอปิดแผลไว้แล้วค่อยเดินไปเข้าห้องน้ำ และหากเป็นห้องน้ำรวมที่ต้องไปสัมผัสใกล้ชิดบุคคลอื่น หรือสภาวะแวดล้อมของห้องน้ำที่ไม่สะอาดของห้างนั้น อาจทำให้เกิดปัญหาตามมาภายหลังได้