ในปัจจุบัน การปลูกผม หรือ ปลูกถ่ายเส้นผมย้ายราก เป็นหัตถการที่มีความนิยมมากขึ้นในช่วงหลายปีให้หลัง และหากศึกษาหาข้อมูลเพิ่มเติมแล้ว จะทราบว่ามีราคาค่อนข้างกว้างและหลากหลาย ตั้งแต่หลักหมื่นจนถึงหลักแสน
แน่นอนว่าการปลูกผมเป็นหัตถการที่ควรทำครั้งเดียวให้ดีที่สุด เนื่องจากทรัพยากรเส้นผมด้านหลังของเรามีจำกัด จนนำมาสู่การทำให้การตัดสินใจเลือกคลินิกเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด อย่างไรก็ตามบางครั้งค่าใช้จ่ายอาจห่างกันถึง 10 เท่า แต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าคุณภาพนั้นดีกว่า 10 เท่าตามราคาหรือไม่
ปลูกผมราคาเท่าไหร่ในปี 2567
ราคาปลูกผมที่ถูกที่สุดเท่าที่มีในประเทศไทยตอนนี้ คือปลูกผมแบบเหมากราฟราคา 14,990 บาท ฟังดูแล้วไม่น่าเชื่อ เพราะว่าหัตถการที่ใช้เวลาทำนานถึง 8 ชั่วโมง รวมถึงต้องมีความละเอียด รอบคอบ และแม่นยำ ดันมีราคาถูกกว่าการฉีดโปรแกรมโบทอกซ์ของอเมริกาใช้เวลาฉีดเพียง 15 นาทีเสียอีก
แน่นอนว่าราคาที่ถูกมากผิดปกติ อาจเป็นเพียงเทคนิคการตลาดเพื่อดึงคนไข้เข้าคลินิก เพื่อขายบริการอื่นๆเพิ่ม หรือที่เรียกว่า “อัพเซล” นั่นเอง หลายหลายครั้งการอัพเซลรูปแบบนี้อาจทำให้ราคาปลูกผมดีดไปอยู่ในระดับเฉียดแสนก็เป็นได้
ส่วนราคาปลูกผมที่แพงที่สุดในประเทศไทยที่คนไข้บางท่านที่ได้ปลูกมาแล้วเคยมาอัพเดตข้อมูลกันคือ ประมาณหนึ่งล้านบาท ต่างกับราคาที่ถูกที่สุดที่ โปรโมทออนไลน์บางที่ถึง เกือบ 100 เท่า
หากจะพิจารณาว่าราคาใดสมเหตุสมผลเราต้องเริ่มจากการเข้าใจต้นทุนที่แท้จริงของการปลูกผมทั้งหมดก่อน
ต้นทุนและปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาที่แท้จริงของการปลูกผม
1. จำนวนกราฟและการใช้เวลาในเคส
ปริมาณกราฟที่ใช้ในการปลูก ส่งผลโดยตรงต่อระยะเวลาที่แพทย์และทีมงานจะต้องใช้เพื่อดูแลเคสของคนไข้แต่ละคนจนจบ บางคลินิกอาจใช้ปริมาณกราฟ เป็นตัวกำหนดถึงราคาของการปลูกผม และบางคลินิกใช้เป็นราคาเหมา ซึ่งแต่ละวิธีจะมีข้อดีข้อเสียต่างกัน
สำหรับท่านที่สนใจเรื่องข้อมูลว่าปลูกผมเหมากราฟคืออะไร สามารถอ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
กราฟเส้นผม (Hair Graft) คือ หน่วยหนึ่งของเส้นผมที่ถูกย้ายจากบริเวณที่มีผมหนาแน่นไปยังบริเวณที่มีผมร่วงหรือผมบางในกระบวนการปลูกผม แต่ละกราฟผมประกอบไปด้วยเส้นผมจำนวนหนึ่งซึ่งอยู่ในกอหรือกลุ่มเดียวกัน
2. อุปกรณ์ที่ใช้เจาะกราฟ
อุปกรณ์ที่ใช้เจาะกราฟ มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักเฉียดล้าน รวมไปถึงหัวเจาะกราฟ ที่เป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองแบบใช้แล้วทิ้ง ก็มีราคาตั้งแต่หลักร้อยจนถึงหลักหมื่นเช่นกัน สิ่งนี้เป็นตัวกำหนดถึงความสมบูรณ์ของกราฟ กล่าวคืออุปกรณ์ที่มีเทคโนโลยีใหม่กว่าและราคาแพงจะช่วยทำให้กราฟความสมบูรณ์มากขึ้น ส่งผลให้การปลูกผมประสบความสำเร็จได้มากขึ้น
อุปกรณ์ที่ใช้เจาะกราฟแต่ละชนิดต่างกันอย่างไร อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
3. น้ำยาแช่กราฟ
เมื่อแพทย์นำกราฟผมออกมาจากบริเวณศีรษะแล้ว จะต้องนำกราฟผมไปไว้ในสารละลายเพื่อป้องกันไม่ให้กราฟแห้งซึ่งนำไปสู่ความเสียหายของกราฟผมได้ สารละลายนี้มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิด ตั้งแต่น้ำเกลือทั่วๆไป จนไปถึงน้ำยาแช่อวัยวะในการผ่าตัดปลูกถ่ายในโรงพยาบาล
ข้อดีของน้ำยาแช่อวัยวะคือจะมีองค์ประกอบของสารอาหารที่เพียงพอต่อการอยู่รอดของเซลล์ รวมไปถึงเกลือแร่และแร่ธาตุที่มีความเข้มข้นเท่ากับเซลล์มนุษย์ จึงจะไม่ก่อให้เกิดอาการบวมน้ำของเซลล์ และทำให้เซลล์มีอัตรารอดที่สูงที่สุด
4. เทคนิคที่ใช้
การปลุกผมมีหลากหลายเทคนิค ไม่ว่าจะเป็น FUE, DHI, Long Hair DHI และอีกมากมาย ซึ่งแต่ละเทคนิคก็จะมีการใช้อุปกรณ์ชนิดพิเศษ ที่มีความจำเพาะต่อการปลูกผมเทคนิคนั้น เช่น ในเทคนิค DHI ก็จะต้องใช้อุปกรณ์ที่เรียกว่า implanter pen ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์สิ้นเปลือง ใช้แล้วทิ้ง และส่งผลต่อราคาและต้นทุนของการปลูกผม
5. ค่าการตลาด
ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันค่าการตลาดถือเป็นต้นทุนที่สูงมากต้นทุนหนึ่งในของทุกธุรกิจ และเป็นต้นทุนที่หนีไม่พ้นสำหรับคลินิกปลูกมผมเช่นกัน
ค่าการตลาดไม่ได้มีเพียงการสร้างหน้า facebook เพื่ออัพเดตโปรโมชั่นทั่วไปเหมือนในอดีตเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง การจ่ายเงินหรือที่เรียกว่ายิงแอด การจ่ายค่าเช่าป้ายโฆษณา Billboard รวมไปถึงการจ้างดาราและผู้มีชื่อเสียง เพื่อมาโปรโมทในช่องทางต่างๆ แน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกคำนวณเข้ามาเป็นต้นทุนทั้งหมด
ปลูกผมเทคนิคไหน ราคาเข้าถึงง่ายที่สุด ต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ
ปลูกผมเทคนิคที่พื้นฐานที่สุดในปัจจุบัน และราคาเข้าถึงง่ายที่สุดคือการปลูกผมแบบ FUE หรือการนำกราฟมาจากข้างหลังทีละกอผมนั่นเอง สาเหตุเป็นเพราะในปัจจุบันเทคโนโลยีเกี่ยวกับการเจาะกราฟมีการพัฒนาไปมาก ทำให้ต้นทุนด้านอุปกรณ์ส่วนใหญ่จะถูกลงตามกลไกตลาด
สิ่งที่ต้องระวังคือ การนำการปลุกผมแบบ FUE มาเปลี่ยนชื่อให้เป็นชื่อเฉพาะของตัวเอง เช่นเรียกเป็นเทคนิคชื่อแปลกใหม่ ให้คนสนใจ ดูมีมูลค่ามากขึ้น และคิดราคาเพิ่มขึ้นมากกว่าที่ควรจะเป็น
ปลูกผมเทคนิคไหน ราคาสูงที่สุด
การปลูกผมที่มักมีราคาสูงที่สุด จะเป็นการปลุกผมที่ต้องใช้อุปกรณ์ที่มีราคาแพง นั่นคือการปลูกผมแบบผมยาว หรือ Long Hair นั่นเอง สาเหตุเป็นเพราะถึงแม้เทคโนโลยีจะพัฒนาไปมาก แต่วิธีการผลิตเครื่องมือให้เจาะผมแบบผมยาวได้ ยังทำได้ยากมาก อีกทั้งการปลูกผมแบบนี้ใช้เวลานานกว่าปกติถึงเกือบสองเท่า จึงไม่แปลกที่การปลุกผมเทคนิคนี้มักจะมีราคาที่สูงที่สุด