ต้นกำเนิดการปลูกผม และทิศทางในอนาคต
เราไม่สามารถปฏิเสธได้เลยว่า การปลูกผมได้ปัจจุบันมีความก้าวหน้าขึ้นมาก เมื่อเทียบกับเมื่อหลายสิบปีที่แล้ว ทั้งในด้านเทคนิคและผลลัพธ์ที่ทำให้กระบวนการผ่าตัดนี้แพร่หลายมากขึ้น ในวันนี้เรามาลองย้อนไปดูต้นกำเนิดการปลูกผมกันว่ามีจุดเริ่มต้นกำเนิดมาได้อย่างไร และมีวิวัฒนการอย่างไรกันครับ
ยุคแรก “Hair Plugs”
การปลูกผมครั้งแรกของโลกเกิดขึ้นในปี 1952 ที่เมืองนิวยอร์คประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Dr.Norman Orentreich ใช้เทคนิคการเจาะเนื้อเยื่อผิวหนังศีรษะบริเวณท้ายทอยที่มีความแข็งแรง มาปลูกถ่ายในบริเวณด้านหน้า นี่ถือเป็นการค้นพบที่ยิ่งใหญ่มาก เพราะเส้นผมที่นำมาจากข้างหลังสามารถมาโตต่อเนื่องได้ในบริเวณด้านหน้าโดยไม่ได้รับผลกระทบจากฮอร์โมนเพศชายหรือ DHT ที่เป็นต้นเหตุทำให้เกิดอาการหัวเถิกล้านขึ้น โดยผลของ DHT นี้ ที่เราเจอได้คือการร่นขึ้นเป็นตัวเอ็มในแนวเส้นผมที่อยู่ด้านหน้าหรือตรงกลางศีรษะ
อย่างไรก็ตาม ขนาดชิ้นเนื้อเยื่อในการเจาะในสมัยนั้นมีขนาดใหญ่กว่าที่เราเห็นในปัจจุบัน โดยรูเจาะหนึ่งรูจะมีขนาดประมาณ 4 มิลลิเมตร หรือขนาดประมาณยางลบดินสอที่ติดอยู่กับดินสอไม้ ถึงแม้การปลูกถ่ายจะประสบความสำเร็จ

แต่ลักษณะของผมที่ขึ้นก็จะขึ้นเป็นหย่อมกลมๆ โดยมีบริเวณที่ไม่มีผมอยู่ด้วยในบริเวณรอยต่อของชิ้นเนื้อ ความสวยงามจึงมีค่อนข้างน้อย แต่ในสมัยนั้น ทางเลือกนี้เป็นทางเลือกเดียวที่ดีที่สุด คนที่มีปัญหาผมบางจึงยอมที่จะทำเพื่อให้มีเส้นผม ถึงแม้ว่าผลจะไม่ได้สวยงามที่สุดก็ตาม การปลูกผมลักษณะนี้ทำให้ผลลัพธ์ออกมาเป็นช่อๆ เหมือนปลั๊ก จึงมีชื่อเรียกกันเล่นๆ ว่า “Hair Plugs”
ยุคที่สอง “Mini Grafts – Micro Grafts”
แพทย์ผ่าตัดปลูกผมในยุค 1984 ได้ริเริ่มเทคนิคที่ชื่อว่า Micro Grafting และ Mini Grafting ขึ้น ซึ่งเป็นการเจาะเนื้อเยื่อจากท้ายทอยในขนาดที่เล็กลง ที่ขนาดประมาณ 1.5 มิลลิเมตร โดยต่างจากการเจาะเนื้อเยื่อขนาดใหญ่ถึง 4 มิลลิเมตร เหมือนในยุคแรกทำให้มีช่องว่างระหว่างเนื้อเยื่อลดลง โดยการเจาะเนื้อเยื่อในขนาดเล็กนี้มีชื่อเรียกว่า Mini Grafting แต่การเจาะแบบนี้ก็ยังทำให้แนวไรผมยังดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติมากนักเพราะยังมีช่องว่างอยู่ ถึงแม้ไม่เยอะเท่าในยุคแรกก็ตาม
เทคนิค Micro Grafting จึงได้ถูกพัฒนาขึ้นมาต่อยอดขึ้นมา วิธีการคือการใช้มีดผ่าตัดมาทำการหั่นตัว Mini Graft ให้ย่อยลง จนเหลือจำนวนผมเพียง 1-2 เส้นต่อเนื้อเยื่อหนึ่งชิ้น โดยแพทย์จะนำMicro Grafts ที่ได้เหล่านี้ มาปลูกไว้บริเวณแนวไรผมด้านหน้า ร่วมกับ Mini Graft ในจุดอื่นด้านใน ทำให้ลักษณะของเส้นผมที่ปลูกดูมีความธรรมชาติมากยิ่งขึ้น แต่เทคโนโลยีแว่นขยายหรือกล้องจุลทรรศน์ในสมัยก่อนยังไม่ดีเท่าปัจจุบัน ทีมแพทย์มีเพียงแว่นขยายแบบที่พ่อค้าขายเครื่องเพชรใช้ช่วยในการตัดกราฟ จึงทำให้ตัว Micro Graft ยังมีความ “อ้วน” อยู่ (มีเนื้อเยื่อและผิวหนังปกคลุมบริเวณรากผมเยอะ) ความถี่ของกราฟผมอาจจะดีกว่า Mini Graft แต่ความหนาแน่นของเส้นผมยังทำได้ค่อนข้างน้อย

ยุคที่สาม Follicular Unit Transplantation “FUT”
เทคนิคถัดมาเริ่มต้นขึ้นในปี 1994 โดยเกิดจากความคิดของDr. Rassman และ Dr. Bernstein โดยมีแนวคิดคือการปลูกถ่ายเฉพาะกอผมที่เกิดขึ้นจริงตามธรรมชาติ ซึ่งปกติจะมีเส้นผมอยู่ 1-4 เส้น แทนที่จะเจาะมาเป็นชิ้นใหญ่ๆ เหมือนในอดีต โดยแพทย์จะทำการผ่าตัดชิ้นเนื้อออกมาเป็นชิ้นยาวๆ เพื่อที่จะได้ตัดได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น โดยทั้งคู่ได้ใช้เครื่องจุลทรรศน์เข้ามาช่วยส่องขยาย ทำให้สามารถตัดเนื้อเยื่อที่อยู่รอบกอผมได้สวยเนียนดียิ่งขึ้น และส่งผลลัพธ์ออกมาได้ดีขึ้นมาก แต่ก็ต้องใช้ความชำนาญและเชี่ยวชาญจากทีมแพทย์ผ่าตัดมากขึ้นเช่นกัน
ในช่วงแรกนั้น การปลูกผมแบบ FUT ยังมีคนต่อต้านและไม่เห็นด้วยค่อนข้างเยอะโดยเฉพาะในสังคมแพทย์ปลูกผมด้วยกันเอง แต่เนื่องจากผลลัพธ์ที่ออกมาดีและการเข้ามาของอินเตอร์เน็ตในปี2000 ทำให้เทคนิคนี้ได้รับความนิยมมาก จนถือว่าเป็น “มาตรฐาน” ในการปลูกผมถาวรในสมัยนั้นเลยทีเดียว


ยุคที่สี่ Follicular Unit Extraction “FUE”
เทคนิคถัดมามีแนวคิดมาจากการร่นเวลาในการนำกอผมออกมา แทนที่จะเจาะออกมาจากชิ้นเนื้อที่ตัด แต่เจาะออกมาจากบริเวณหนังศีรษะโดยตรง โดยการเจาะลักษณะนี้จะเป็นการใช้เครื่องมือชนิดพิเศษเจาะหนังศีรษะเฉพาะบริเวณกอผมเป็นรูปวงกลมแล้วจึงคีบนำออกมา บริเวณหนังศีรษะจะมีแผลเล็กๆ ที่จะหายได้เองภายในไม่ดี่วัน
ในช่วงแรก การปลูกผมเทคนิค FUE ก็ได้รับการต่อต้านจากในวงการเช่นกัน เนื่องจากทีมแพทย์ผ่าตัดจำเป็นต้องฝึกเทคนิคใหม่หมดตั้งแต่แรก อีกทั้งอุปกรณ์ในการเจาะยังไม่แพร่หลายเหมือนในปัจจุบัน แต่เนื่องจากข้อดีของ FUE คือการไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้ จึงทำให้มีความต้องการจากคนไข้มากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงปัจจุบัน
ในหลายปีถัดมา Dr. Choi ได้มีการพัฒนาอุปกรณ์ที่ช่วยในการปลูกผม จากปกติจะใช้ forceps คีบกราฟเข้าสู่ผิวหนังทีละตัวอุปกรณ์นี้ที่มีชื่อว่า Implanter มีหน้าตาคล้ายปากกาปลายแหลมที่สามารถนำกราฟผมใส่เข้าไป ช่วยทำให้การปลูกผมง่ายขึ้น บางคลินิกอาจจะโปรโมทเทคนิคนี้ในชื่อของ Direct Hair Implant หรือDHI แต่เทคนิคการได้มาซึ่งกราฟและกอผมก็ยังคงถือว่าเป็นการปลูกแบบ FUE อยู่ดี
อ้างอิงจาก: History of Hair Transplant Surgery


Cosmo Clinic
Choosing Cosmo Clinic means choosing a path to personalized excellence in hair transplant. Our commitment to individualized care ensures that every treatment plan is uniquely tailored to your specific needs and goals. By prioritizing your personal journey and combining advanced technology with expert knowledge, we deliver results that are both effective and aligned with your vision.
At Cosmo Clinic, you’re not just a patient; you’re a valued individual, and our bespoke approach guarantees that your experience is as exceptional as the outcomes we achieve.